“อีเลคทริคเพลย์กราวด์” โมเดลตั้งต้นคนรุ่นใหม่ตื่นรู้เรื่องขยะ พร้อมภารกิจปลุกคนนิวเจนฯ แปลงร่างขยะสู่พลังงาน

26 พ.ค. 2021 ดูแล้ว 890 ครั้ง

พลวัตในการขับเคลื่อนนวัตกรรมที่สำคัญในช่วงเวลานี้คงหนีไม่พ้นกลุ่มเยาวชน ซึ่งต้องยอมรับว่า “คนรุ่นใหม่” มีหลากหลายไอเดีย และความกล้าในการลงมือปฏิบัติ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก หากหลายภาคส่วนจะร่วมกันเติมเต็มให้เยาวชนมีไฟในการคิดค้นนวัตกรรมเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น เฉกเช่นเดียวกับที่ กองทุนพัฒนาไฟฟ้า สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ได้ให้การสนับสนุน สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ในการเติมไฟให้เยาวชนได้มีพื้นที่ในการฉายแสงโชว์ความสามารถด้านนวัตกรรม “การจัดการขยะอย่างถูกวิธี” ภายใต้โครงการ “สนามการเรียนรู้นวัตกรรมพลังงานไฟฟ้า” (The Electric Playground) ซึ่งกำลังเป็นประเด็นที่ท้าทายโลกและประเทศไทยอย่างมาก เพราะจะเห็นได้ว่า “โลก” กำลังเรียกร้องให้ทุกคนหันมาสนใจกับโซลูชั่นในการจัดการขยะอย่างยั่งยืน



หลักสูตรการจัดการขยะแนวใหม่กับการพลิกโฉมภาพจำแนวทางจัดการขยะแบบเดิม ๆ
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ NIA กล่าวว่า แน่นอนว่าธรรมชาติของคนรุ่นใหม่ ย่อมให้ความสนใจในเรื่องที่แปลกใหม่ และสิ่งที่พวกเขาสามารถมีส่วนร่วมในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้จริง โครงการ “สนามการเรียนรู้นวัตกรรมพลังงานไฟฟ้า” จะเปลี่ยนภาพจำการเรียนรู้เรื่องการจัดการขยะแบบเดิม ผ่านการออกแบบเส้นทางการเรียนรู้การจัดการขยะอย่างถูกวิธี ด้วยหลักสูตรกระบวนการสร้างสรรค์นวัตกรรม “STEAM4INNOVATOR” บนเนื้อหาสาระการเรียนรู้ด้านพลังงานไฟฟ้าและการจัดการขยะ ซึ่งเด็กๆ จะได้เรียนรู้อย่างครบวงจร ตั้งแต่การลงไปสังเกตปัญหา เลือกหยิบปัญหาที่สนใจ และเลือกที่จะสร้างนวัตกรรมเข้ามาดิสรัปต์วงจรการจัดการขยะในขั้นตอนใดก็ได้ โดยมีการดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมงานกระบวนกร และทีมนักพัฒนาศักยภาพเยาวชน ที่จะมาช่วยสร้างความสนุกและการมีส่วนร่วมแบ่งปันประสบการณ์ระหว่างกลุ่มเยาวชนด้วยกันในรูปแบบการประกวดแข่งขัน ซึ่งการเปิดพื้นที่ให้เด็กได้แสดงความสามารถอย่างไร้ขีดจำกัด จะนำมาซึ่งสิ่งใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ในแวดวงนวัตกรรม




เยาวชนไทยกับศักยภาพในการเปลี่ยนขยะสู่พลังงานไฟฟ้า
ถึงแม้ว่าความพยายามในการจัดการขยะเพื่อผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้า จะดูเป็นความฝันที่ค่อนข้างไกลสำหรับนวัตกรหน้าใหม่ แต่การเริ่มต้นจัดการปัญหาขยะด้วยการลงมือสร้างสรรค์นวัตกรรมบางอย่างซึ่งไม่จำกัดอยู่ในรูปแบบของชิ้นงาน แต่สามารถเป็นองค์ความรู้ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงด้านวิธีคิด วิถีชีวิต ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ช่วยทำให้เรามีชีวิตดีขึ้นได้ในเรื่องการจัดการขยะ สำหรับโครงการฯ นี้ เปิดกว้างให้เยาวชนสามารถออกแบบนวัตกรรมในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นองค์ความรู้นวัตกรรมที่เข้ามาช่วยการจัดการเชิงกระบวนการที่ชาญฉลาด รูปแบบบริการที่สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นหรือให้คุณค่าต่อสังคม หรือจะเป็นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่เป็นชิ้นงานอย่างเครื่องแยกขยะ เครื่องจัดการขยะ เครื่องผลิตไฟฟ้า อุปกรณ์เครื่องมือจัดการในการควบคุมมลพิษหรือผลกระทบจากกระบวนการจัดการขยะ หรือการนำขยะไปเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า ดังนั้น การมีพื้นที่ให้นวัตกรรุ่นเยาว์ได้ประลองไอเดียการสร้างสรรค์นวัตกรรม ไม่ว่าจะออกมาเป็นรูปแบบใดก็ตาม ถือว่าเป็นอีกขั้นหนึ่งที่ประเทศไทยจะได้เข้าใกล้หนทางไปสู่พลังงานทางเลือกมากขึ้น

ด้าน ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ กรรมการกำกับกิจการพลังงาน กล่าวว่า สังคมไทยกำลังก้าวสู่การใช้พลังงานทางเลือกมากขึ้นตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ข้อที่ 7 พลังงานสะอาดที่ทุกคนเข้าถึงได้ (Affordable and Clean Energy) โดยมีรายละเอียดว่า ภายในปี 2573 จะเกิดการผลิตไฟฟ้าที่เหมาะสมในทุกที่เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงพลังงานราคาถูก จากการลงทุนในแหล่งพลังงานสะอาด โดยพลังงานไฟฟ้าแปรรูปจากขยะนับเป็นหนึ่งในทางเลือกของการผลิตแหล่งพลังงานสะอาด ซึ่งในประเทศไทยได้มีการริเริ่มจัดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการแก้ปัญหาขยะล้นเมืองและสามารถแปรรูปไปเป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อตอบโจทย์การแสวงหาพลังงานทางเลือกใหม่ๆ ตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยในปี 2563 - 2564 กองทุนพัฒนาไฟฟ้า สำนักงาน กกพ. ได้ให้การสนับสนุนเหล่าภาคีเครือข่าย 25 องค์กร 26 โครงการ ภายใต้แนวคิดหลัก Clean Energy for Life เพื่อส่งเสริมสังคมและประชาชนให้มีความรู้ ความตระหนัก และมีส่วนร่วมด้านไฟฟ้า ซึ่งโครงการ “สนามการเรียนรู้นวัตกรรมพลังงานไฟฟ้า” เป็นหนึ่งในโครงการที่ได้รับการสนับสนุน โดยเล็งเห็นถึงความสำคัญของการปลูกฝังคนรุ่นใหม่ให้รู้จักวิธีการจัดการขยะอย่างถูกต้อง การใช้นวัตกรรมอันชาญฉลาดเข้ามามีส่วนแก้ไขปัญหา ไปพร้อมกับการชี้ให้เห็นถึงการแปรรูปขยะเป็นพลังงานไฟฟ้าซึ่งเป็นอีกหนึ่งหนทางขับเคลื่อนสังคมไปสู่การใช้พลังงานทางเลือก



การขับเคลื่อนสังคมในการใช้พลังงานทางเลือก และความจำเป็นในการจัดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ
การแปรรูปขยะเป็นพลังงานไฟฟ้าถือเป็นหนึ่งในวิธีการสร้างพลังงานทางเลือกที่เรากำลังขับเคลื่อนสังคมให้ไปสู่เป้าหมายดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ยังมีวิธีการแปรรูปไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานอื่นๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลมและพลังงานความร้อน ซึ่งเป็นการนำเอาพลังงานจากธรรมชาติมาใช้โดยไม่มีต้นทุน ในขณะที่การแปรรูปพลังงานไฟฟ้าจากขยะจำเป็นต้องมีการจัดการในขั้นตอนต่างๆ ซึ่งมีต้นทุนที่เพิ่มเข้ามาตามไปด้วย ก่อนไปสู่ขั้นตอนการนำไปแปรรูปในโรงไฟฟ้าได้ จึงเห็นได้ว่า ไม่ใช่ขยะทั้งหมดที่สามารถนำไปแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้าเพื่อใช้ประโยชน์ได้ และความเชื่อที่ว่าขยะปริมาณมากสามารถนำไปแปรรูปเป็นพลังงานที่มีมูลค่ามหาศาลอาจไม่ถูกต้องทั้งหมด ดังนั้น การมีโรงไฟฟ้าพลังงานขยะจึงถือเป็นการแก้ปัญหาที่ตอบโจทย์เฉพาะหน้า หากประเทศไทยมีการจัดการปัญหาขยะที่ครบวงจร นั่นหมายถึงการกำจัดขยะตั้งแต่ต้นทางให้ได้มากที่สุด โดยอาศัยความร่วมมือจากภาคผู้ผลิต และผู้บริโภค ความจำเป็นในการจัดตั้งโรงไฟฟ้าก็จะลดลง สอดคล้องกับปริมาณขยะที่ถูกจัดการมาอย่างถูกต้องและเหมาะสำหรับนำมาแปรรูปเป็นพลังงานจริง ๆ



ความหวังของประเทศไทยในการสร้างรายได้จากการแปรรูปพลังงานขยะ
การสร้างรายได้ให้แก่ประเทศที่ดีที่สุดคือ การที่รายได้เหล่านั้นไปถึงมือประชาชนอย่างทั่วถึง ดังนั้น หากพูดถึงเรื่องการสร้างรายได้จากการแปรรูปขยะเป็นทรัพยากรมีค่าและพลังงานอย่างไรให้ถึงมือประชาชน ก็ต้องเริ่มจากประชาชนทุกคนให้ความร่วมมือในการแยกขยะอย่างถูกวิธี เพื่อให้ทรัพยากรขยะที่สามารถนำไปแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้าไม่ถูกทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามีบทบาทสำคัญ ผ่านมาตรการส่งเสริมแรงจูงใจการแยกขยะในภาคครัวเรือน โดยอาจนำโมเดลการแยก - แลก – ได้เงิน แบบ ‘ซาเล้ง’ มาใช้ ซึ่งหากเราสังเกตซาเล้งจะเห็นได้ว่ามุมมองของซาเล้งที่มีต่อขยะคือสิ่งที่มีมูลค่า และทำให้มีแรงจูงใจในการแยกขยะเพื่อสิ่งตอบแทน ดังคำพูดที่ว่า “ขยะมันเป็นขยะ เมื่อเราเรียกมันว่าขยะ แต่ถ้ามองมันเป็นสิ่งของที่ขายได้ เราก็จะไม่ทิ้งมันไม่ไปโดยเปล่าประโยชน์"



ติดตามความเคลื่อนไหวโครงการก่อนใครได้ที่ www.facebook.com/TheElectricPlaygroundThailand